ค่าครูดูลายมือสัมพันธ์กับความแม่นยำหรือไม่
ดูดวงลายมือ กับดูลายมือเหมือนหรือต่างกันค่าดูลายมือ แพงไหม ค่าดูลายมือเท่าไหร่ ค่าพยากรณ์ลายมือหรือค่าดูลายมือถูก(ไม่แพง) กับค่าดูลายมือแพง (ราคาสูง) จะมีส่วนเกี่่ยวข้องหรือมีผลกับการดูลายมือแม่น หรือการพยากรณ์ลายมือแม่นหรือไม่ มีอะไรทดสอบว่าดูลายมือแม่นได้หรือไม่..การดูดวงลายมือแม่นกว่าการดูหมอดู หรือดูดวงแบบอื่นหรือไม่ หลายคำถามก่อนการตัดสินใจดูลายมือมักจะเกิดขึ้น
เรื่องแบบนี้ก็ตอบยากนะครับ ต้องลองทดสอบหรือพิสูจน์ด้วยตัวเอง สินค้าโดยทั่วไปก็จะมีตัวอย่่างให้ทดลองใช้ฟรี อย่างหมอดูลายมือก็ควรจะมีการทดลองดูลายมือฟรีก่อนว่าดูแม่นหรือไม่ ต้องมีการพิสูจน์ในเบื้องต้นก่อนไม่ว่าเรื่องใด ๆ อย่ามองแค่เพียงราคาว่าถูกว่าแพง พระพุทธเจ้าท่านให้หลักเกี่ยวกับความเชื่อว่าสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินได้ ฟังมานั้นมีความเป็นไปได้จริงควรเชื่อถือหรือไม่ควรเชื่อถือให้ไว้ 10 ประการ คือหลักกาลามสูตร
๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา
แล้วจะเชื่ออะไร เชื่อได้อย่างไร มีคำตอบให้ คลิกอ่านเพิ่มเติม
ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ บางทีอาจมีข้อคิดดี ๆ ในการประกอบการตัดสินใจว่าด้วยเรื่องใด ๆ ก็ตาม

ปกติทุกวันผมได้รับ Forward mail เป็นประจำจากเพื่อนบ้าง จากคนไม่รู้จักก็มี อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง ลบทิ้งบ้าง เพราะเรื่องที่ส่งมาก็มีร้อยแปดพันเก้า มีตั้งแต่ทะลึ่งตึงตัง การบ้านการเมือง วิชาการ ขายของ ...ฯลฯ . อย่างไรก็ตามก่อนที่จะลบทิ้งหรือจะยังไม่เปิดอ่านก็จะดูผ่าน ๆ ตรงหัวเรื่อง เผื่อมีอะไรน่าอ่านก็เปิดอ่านก่อน ส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้มีเวลาค่อยว่ากัน
คนที่ส่งเรื่องหรือข้อความเขาก็เข้าใจตั้งเรื่องให้น่าสนใจ "ข่าวร้ายก็คือว่า หมอต้องทำการตัดไข่คุณทิ้งครับ" ซึ่ง ก็คือเรื่องที่ท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ อ่านหัวเรื่องก็นึกว่าคงเป็นเรื่องจริงจังทางการแพทย์ หรืออีกใจก็แวบคิดว่าคงเป็นเรื่องขำ ๆ ล้อเล่นอะไรประมาณนั้น เลยตัดสินใจเปิดอ่าน.....ท่านลองอ่านให้จบนะครับ จะได้มุมคิดอะไรบางอย่างก่อนที่จะตัดสินใจระหว่างของราคาถูกกับของราคาแพง ของบางอย่างอาจไม่ต้องเสียเงินเลยก็ได้ หากเพียงแต่รู้จักคิด หรือไม่ก็สอบถามผู้รู้หรือหาข้อมูลมากกว่าหนึ่งอย่างหนึ่งทาง หรือให้มากว่านี้ คนเราส่วนมากก็จะมีวิธีและการตัดสินใจด้วยความเชื่อและประสบการณ์ส่วนตัว หรือคำแนะนำจากผู้อื่น หรือความศรัทธาอะไรบางอย่าง ทั้งที่ไม่ได้หาข้อมูลอย่างเพียงพอ จึงทำให้เสียเงินเสีียทองโดยใช่เหตุและสำคัญยิ่งกว่านั้นเสียใจกับสิ่งที่ ได้ตัดสินใจไปแล้ว..บางอย่างก็สายเกินแก้ไข
"โจ" มีโรคประจำตัวคือ...ปวดหัวเป็นประจำ แต่ว่าไม่เคยไปหาหมอเลยเนื่องจากเขาคิดว่าเป็นเพียงแค่การปวดหัวจากการเรียนหนังสืออย่างหนักเท่านั้น ปล่อยไว้ เดี๋ยวก็หาย
10 ปีผ่านไป...อาการ ปวดหัวก็ไม่เคยหายไป แม้ว่าบัดนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็ตาม เขาก็ไม่คิดจะไปหาหมอเนื่องจาก "โจ" คิดว่าเป็นเพียงเพราะเครียดจากการทำงาน
อีก 10 ปีต่อมา...อาการ ปวดหัวก็ไม่เคยหาย มีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจว่าจะต้องไปหาหมอเสียที และหลังจากที่หมอทำการตรวจเรียบร้อย หมอได้พูดขึ้นว่า...
"ผมมีข่าวดีและข่าวร้ายครับ ข่าวดีก็คือผมสามารถรักษาอาการของคุณได้อย่างหายขาด"
"และข่าวร้ายหล่ะครับหมอ" โจ...ถามขึ้นอย่างร้อนรน
"ข่าวร้ายก็คือว่า ผมต้องทำการตัดไข่คุณทิ้งครับ" หมอตอบ
โจเหมือนตกอยู่ในภวังค์...
"คืองี้ครับ..." หมอรีบอธิบายก่อน "อาการ ของคุณถือว่าเป็นเคสที่หาได้ยากมากๆ เรียกว่า 1 ใน 100 ล้านก็ว่าได้ ไข่ทั้ง 2 ข้างของคุณนั้นไปดันลำไส้ให้ไปกดทับเส้นปลายประสาทล่างสุดของกระดูกสันหลัง การกดทับนี้เองทำให้คุณต้องทรมาณกับการปวดหัวอย่างรุนแรงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา..."
"ทางเดียวที่หมอจะรักษาได้ก็คือ 'การตัดไข่ครับ' " หมอสรุปสั้นๆ
แต่นั่น...ได้ทำร้ายจิตใจของโจยิ่งนัก หมอ ได้ให้โอกาสเขาตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกหดหู่อย่างหนัก เขาสู้อุตส่าห์มานะเรียนเพื่อให้ได้ทำงานดีๆ ไม่เคยไปเที่ยวเหลวไหล เธค - ผับ...ไม่รู้จัก สาวๆไม่เคยสน และเมื่อได้งานแล้ว เขาก็ได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้้ก้าวหน้าและมีเงินเยอะๆ
จนมา วันนี้...เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการ และเขาคิดว่าถ้าได้สิ่งเหล่านี้แล้ว ผู้หญิงมากมายก็จะเข้ามาหาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทุกสิ่งที่วาดฝันก็พังทลายจากอาการปวดหัวของโจเอง เขาได้นอนคิดอยู่หลายคืน ถึงแม้จะเศร้าเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากทรมาณเหมือนดั่งตกนรกอีกต่อไป เขาไม่กล้าปรึกษาใครเนื่องจากคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย ดังนั้น...วันรุ่งขึ้นเขาจึงไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดทันที
หลังจากออกจาก ร.พ. ด้วยอาการสมองปลอดโปร่งครั้งแรกในรอบ 20 ปี แต่เขาก็รู้สึกเหมือนขาดบางอย่างที่สำคัญไปในชีวิต เหมือนกลายเป็นอีกคนหนึ่ง แต่เขาก็เข้มแข็งพอและตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่
เขาจึงเดินเข้าร้านตัดสูทที่แพงที่สุดในนิวยอร์คเพื่อเป็นการปลอบใจและเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โจได้กล่าวกับชายแก่เจ้าของร้านหลังจากที่เดินเข้ามาต้อนรับ
"เอ่อ...ผมจะตัดสูทครับ" โจกล่าว
"ได้ครับ อืมมม...ขนาด 44" เจ้าของร้านดูโดยไม่ต้องวัด
โจหัวเราะ "ถูกแล้ว...รู้ได้งัยเนี่ย?"
"เปิดร้านมา 60 ปีน่ะครับ"
โจลองสูท ซึ่งใส่ได้สวยและขนาดพอดี
"ไม่สนใจจะลองเสื้อเชิ๊ทมั่งเหรอครับ" เจ้าของร้านถาม
"ก็ดีครับ" โจตอบ
"อืมมม...แขน 34 คอ 16 นิ้วครึ่ง" เจ้าของร้านดูโดยไม่ต้องวัด
โจเริ่มชักสงสัย "ถูกแล้ว...รู้ได้งัยเนี่ย"
"เปิดร้านมา 60 ปีน่ะครับ" เจ้าของร้านตอบ
โจลองเสื้อ ซึ่งใส่ได้สวยและขนาดพอดี
"รองเท้าสักคู่ดีไหมครับ?" เจ้าของร้านถาม
"ก็ดีครับ" โจตอบ
"อืมมม...9 นิ้วครึ่ง" เจ้าของร้านดูโดยไม่ต้องวัด
เช่นนั้น โจรู้สึกแปลกใจมาก "ถูกแล้ว...รู้ได้งัยเนี่ย?"
"เปิดร้านมา 60 ปีน่ะครับ" เจ้าของร้านตอบทันควัน
โจใส่รองเท้า ซึ่งใส่ได้สวยและขนาดพอดี ขณะที่เขาลองเดินไปทั่วร้าน เจ้าของร้านจึงถามว่า......
"ลองกางเกงในตัวใหม่สักหน่อยมั้ยครับ" เจ้าของร้านถามต่อ
โจชะงักและหยุดคิดสักครู่ "ก็ดีครับ"
"อืมมม...ขนาด 36 พอดี"
คราวนี้โจหัวเราะก้าก "ฮ่าๆๆๆ...เสร็จผมหล่ะคราวนี้ คุณผิดครับ!! ผมใส่เบอร์ 34 ตั้งแต่อายุ 18 แล้ว..."
ชายแก่ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า...
"โอ้ย!!!...อย่างคุณ 34 ไม่ได้หรอก...ทรมาณตายห่า..."
"เพราะมันจะไปรั้งไข่คุณไปกดลำไส้ และทำให้ไปกดทับเส้นประสาทล่างสุดของกระดูกสันหลังอีกที คุณไม่เคยปวดหัวมั่งเลยเหรอ?..."
เห็น ไหมครับว่า ถ้ามีอะไรดลบันดาลใจหรืออะไรก็ตามทำให้เขาได้มาตัดสูทที่ร้านนี้ ก่อนไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล คงไม่มีข่าวร้ายเรื่องนี้ วิถีชีวิตของคนคนนี้ก็จะแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่นี้....