Open menu

ลายมือบอกความสำเร็จในอาชีพการงาน

เส้นลายมือต่าง ๆ สือถึงความสำเร็จในอาชีพการงาน
เส้นลายมือต่าง ๆ สือถึงความสำเร็จในอาชีพการงาน
ลายมือบอกได้ถึงความต่อเนื่องของอาชีพการงานและการดำเนินชีวิต เส้นชีวิตที่หยุดไปหมายถึงหยุดงาน ย้ายที่อยู่  เปลี่ยนงานเปลี่ยนอาชีพ หากมีเครื่องหมายร้ายประกอบก็อาจหมายถึงเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือเสียชีวิตก็เป็นไปได้
1.เส้นชีวิตหยุดลง หมายถึงหยุดจากสิ่งที่เคยทำมาอย่างต่อเนื่อง  หยุดจากชีวิตที่เคยดำเนินมาก่อนหน้านี้ ตำแหน่งนี้หมายถึงอายุประมาณ 35 ปี จะต้องหยุดการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่เคยทำมาก่อนหน้า
2.เส้นชีวิตเกิดขึ้นใหม่ ออกนอกไปทางริมฝ่ามือ คือการย้ายไปที่อื่นที่ไกลจากครอบครัวออกไป

     อาชีพอะไรดีมักจะถูกถามเสมอ ก่อนตอบในเรื่องลายมือขอตอบเป็นหลักการก่อนเพราะใด ๆ ในโลกนี้ย่อมมีกฎตามธรรมชาติของแต่ละเรื่องแต่ละอย่างอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร  เช่นเดียวกับการทำงานก็ต้องมีกฎของความสำเร็จที่จะต้องมีตามธรรมชาติคือปัจจัยภายในตัวเรา และปัจจัยภายนอกตัวเรา

     กฎธรรมชาติที่เป็นสากลและเป็นจริงมี 4 ประการกล่าวคือ

1. ธรรมชาติ = ใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น และมีอยู่คือธรรมชาติ เช่นต้นไม้  สัตว์  รถยนต์ น้ำ ไฟ  .. ฯลฯ

2.กฎของธรรมชาติ =ใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นแล้วตามข้อ 1 จะต้องมีกฎที่เป็นไปตามธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ เช่นต้นไม้ก็ต้องมีกฏของต้นไม้ ว่าจะดำรงชีวิตอยู่และเจริญเติบโตได้อย่างไรตัวอย่างของกฎธรรมชาติของต้นไม้คือต้องได้รับอาหาร แสงแดดเพื่อปรุงอาหาร จึงจะเจริญเติบโตและขายายพันธุ์ได้ หรือกฎของรถยนต์จะต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงตามข้อกำหนด  จะต้องมีส่วนผสมของอากาศ  เชื้อเพลิง และไฟฟ้าจุดระเบิดถึงจะสตาร์ตได้  จากนั้นก็จะมีกฎที่ต้องทำอีกมากมายจึงจะขับเคลื่อนไปได้

3.หน้าที่ตามธรรมชาติ =ก็คือหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎในข้อ 2  คือต้นไม้มีหน้าที่ต้องหาอาหารทางราก ต้องปรุงอาหารด้วยใบที่ได้รับแสดงแดดมาเป็นปัจจัยประกอบในการปรุงอาหาร หรือหน้าที่ของรถยนต์ก็คือคนที่จะขับรถหรือใช้รถเป็นพาหนะก็ต้องทำตามกฎของรถยนต์คันนั้น ๆ เช่นรถคันนั้นเขามีกฎว่าต้องเติมน้ำมันดีเซล ถ้าเราไปเติม เบนซิน  เครื่องรถยนต์คันนั้นก็พัง เพราะเราทำหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฏของธรรมชาติของแต่ละสิ่ง

4.ผลลัพธ์ตามธรรมชาติ  คือผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามกฏของธรรมชาติในข้อ 3 เช่นถ้าต้นไม้ได้ทำตามกฎของต้นไม้ คือถ้ารากดูดอาหาร ใบปรุงอาหาร  ผลก็คือต้นไม้มีชีวิตอยู่และดำเนินไปตามกฏของธรรมชาติ จะดีและได้ผลดีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฏของธรรมชาติของแต่ละสิ่ง ถ้าทำถูกต้องดีแล้ว ผลก็ออกมาดี ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ดีหรืออาจไม่มีชีวิตต่อไปก็ได้  หรืออีกตัวอย่างกรณีกฏธรรมชาติของรถยนต์คันนี้เขาให้บรรทุกได้เต็มที่ 3 ตัน แต่ผู้มีหน้าที่ไปบรรทุก 5 ตัน  ผลลัพท์ก็คือยางแตก หรือไม่ก็แหนบหัก ไปไม่ได้ นี้คือผลลัพท์   ผลลัพท์คือผลของการปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ

ทีนี้มาดูว่าการจะกระทำอะไรให้สำเร็จในการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้นก็มีกฎธรรมชาิติของมนุษย์เช่นกัน เพราะมนุษย์มีชีวิตมีหน้าทีหลายอย่างมาก และแต่ละอย่างก็มีกฎตามธรรมชาติที่มีขึ้นโดยธรรมชาติิอยู่แล้ว  เพียงแต่ว่าเราจะรู้หรือไม่เท่านั้นเอง  ปัจจัยตามธรรมชาติที่จะทำให้มนุษย์เราประสบผลสำเร็จมี 2 ปัจจัยหลัก คือ

1.ปัจจัยภายในตัวเราก็ประกอบด้วยความรู้และการปฏิบัติของตัวเอง

2.ปัจจัยภายนอกตัวเราซึ่งประกอบไปด้วย บุคคลอื่น และสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา

ทั้งสองหัวข้อทีกล่าวมานี้หากแยกย่อยออกไปก็จะแตกเป็นอีกมากมายก่ายกองเหมือนภาษาทางธรรมะท่านว่า 84,000 ...

แต่ให้มาดูย่อ ๆ เพียงว่า คนเราจะทำอะไรให้สำเร็จได้นั้นต้องประกอบด้วย

ปัจจัยภายในตัวเราอย่างน้อยที่ต้องมีคือ

1.ต้องมีความรู้ในสิ่งทีทำ  ความรู้ในที่นี้ก็ต้องรู้จริง และถ้าจะต้องรู้จริงได้ก็ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้ทฤษฎี ทั้งวิชาการและภาคปฏิบัติคือให้เกิดประสบการณ์จริงจากกระทำด้วยตัวเอง  เมื่อรู้จริงแล้ว หากมีปัญหาหรือข้อผิดพลาดเกิดขึ้นก็จะรู้ได้ว่าจะแก้ปัญหานั้น ๆ ได้อย่างไร ใช้เวลาและเงินทองมากน้อยเท่าใด

2.หลักธรรมในการปฏิบัติคืออิทธิบาท 4  คือ

1.ฉันทะ=ความพึงพอใจกับสิ่งที่ทำ

2.วิริยะ=ความเพียรพยายามในสิ่งที่ทำอย่างมีเป้าหมายเพื่อความสำเร็จ ค้นคว้าหาความรู้กับสิ่งที่ทำ

3.จิตตะ=ความใส่ใจกับสิ่งที่ทำ พิจารณาตรวจสอบข้อดีข้อเสียอยู่อย่างสม่ำเสมอ

4.วิมังสา=ทบทวนปรับปรุงแก้ไข  ตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 3 ว่ามีอะไรน้อยไป มากไป บกพร่องอะไร แก้ไขอย่างไร  

และนอกจากนั้นควรนำหลักธรรมเพื่อความสำเร็จในการประกอบธุรกิจการงานไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตคือฆราวาสธรรม 4 ประกอบด้วย

1.สัจจะ=ความซื่อสัตย์  ความตรงต่อใด ๆก็ตาม เช่นปริมาณ คุณภาพ เวลา  ไม่เอาเปรียบ = เครดิต=ความเชื่อถือ ถ้าปราศจากความซื่อสัตย์แล้วก็ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือ ถ้าคนเราไม่น่าเชื่อถือก็ไม่มีคุณค่าใด ๆอีกต่อไป

2.ทะมะ=ความเพียร=พัฒนาฝึกฝนหาความรู้ให้รู้จริงกับสิ่งที่ทำเพิ่มเติมความรู้อยู่เสมอ

3.ขันติ=อดทนด้วยความศรัทธาว่าเราทำได้  ต้องอดทนและมุ่งมั่นไม่่ว่าจะเหนื่อยและหนักอย่างไร เป้าหมายจะต้องไม่ละทิ้งหรือถอดใจง่าย ๆ

4.จาคะ=เสียสละ แบ่งปัน  =ไม่เอาเปรียบ คืนกำไรกับสังคม=ท่านจะได้มิตรได้สังคมเป็นวงกว้างออกไป

ปัจจัยภายนอกตัวเราก็ประกอบด้วยองค์ประกอบในสิ่งที่จะทำ เช่นหากขายสินค้าองค์ประกอบที่จำเป็นคือ

1.ทำเล =สถานที่ตั้งเหมาะสม  การตกแต่ง อุปกรณ์เครื่องใช้

2.สินค้า= คุณภาพสินค้า, สินค้าที่ขายต้องเหมาะกับทำเลและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

3.บุคคลากร=การบริหาร ,การบริการ,ความรู้ในเรื่องการบริหารการจัดการคน

4.ราคาและการส่งเสริมการขาย ต้องเหมาะสมกับปริมาณคุณภาพ และแข่งขันได้

5.เงินทุน ต้องมีเงินทุนพอเพื่อการลงทุนและสำรองในช่วงเริ่มต้นและช่วงขายไม่ดี (low season)

6.องค์ความรู้ในการบริหารจัดการโดยรวม อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราทำอะไรก็ต้องมีความรู้กับเรื่องนั้น ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย  และต้องรู้จริง ๆ

   และหนึ่งในองค์ความรู้ที่อยากให้ทุกคนนำไปปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย หรือใหญ่ ๆ ระดับประเทศ หรือระดับใด ๆ ก็ตามนั้นก็คือ 1.ความพอประมาณ  2 ความมีเหตุผล  3 การมีภูมิคุ้มกัน ทั้งสาม หลักนี้ต้องควบคุมด้วยเงื่อนไขของ ความรู้ และเงื่อนไขของ คุณธรรม (หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)

"รู้จริง"คือสูตรของความสำเร็จ เพราะรู้จริงเมื่อผิดพลาดแล้วจะรู้ว่าผิดพลาดที่ขั้นตอนใด แล้วจะแก้ไขได้ถูกต้องตรงประเด็น   ซึ่งตรงกันข้ามกับรู้บ้างไม่บ้าง หรือรู้ไม่จริง เมื่อผิดก็ไม่รู้ว่าผิดตรงไหน และจะแก้ไขอย่างไร...

  ที่ จริงแล้วในมือคนเราก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง แต่จะมีอย่างหนึ่งที่ตรงกับเรามากที่สุด เหมือนจริตคนเราคือบางคนก็รักสวยรักงามเป็นพิเศษ  ถ้าได้ทำงานเกี่ยวกับของสวย ๆ งาม ๆ ก็จะมีความสุข แต่ความจริงแล้วอาจไม่เป็นอย่างนั้นเป้าหมายของการทำงานคือได้ค่าตอบแทน  บางทีการที่ได้ทำในสิ่งที่อชอบ แต่คู่แข่งเยอะ อุปสรรคเยอะเลยได้ ค่าตอบแทนไม่คุ้มค่าเหนื่อยสู้ไปทำอะไรที่ไม่ชอบแต่ก็ได้ค่าตอบแทนเยอะจะดี กว่า  สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จก็คือความรู้เรื่องนั้น ๆ ที่เราจะทำเพื่อประกอบเป็นอาชีพ  และคำว่าอาชีพนั้นรู้เฉย ๆ ไม่พอ  ต้องรู้ลึก และรู้จริง  คนเราจะรู้อะไรก็ตามต้องเรียน  การเรียนอย่างเดียวไม่พอต้องมีประสบการณ์ ประสบการก็เกิดจากการลงมือทำเท่านั้นไปหาซื้อที่ไหนไม่มีขาย  ไปอ่านประสบการณ์คนอื่นก็เป็นเพียงความรู้มาประกอบเท่านั้นไม่ใช่ประสบการณ์ตรง


มาดูลายมือประกอบ

      คนเราทุกคนถ้าสมมติว่าได้ทำตามขั้นตอนองค์ประกอบตามหลักหรือตามกฏธรรมชาติแล้วคือปัจจัยภายในคือตัวเรา และภายนอกคือส่วนประกอบของการดำเนินงาให้ประสบผลสำเร็จว่าด้วยเครื่องมือและองค์ความรู้แล้ว  ในมือจะบอกได้ว่าคุณจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ชีวิตจะมีความสุขและความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่  เพราะคนเราจะมีบุญวาสนาติดตัวมาไม่เท่ากัน  ต่อให้เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวติดกันแฟรนไชส์เดียวกันก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะสำเร็จร่ำรวยได้เท่ากัน  หรือว่าจะเป็นร้านเซเว่นแต่ละปากซอย ลงทุนแฟรนไชส์ไม่แตกต่าง  แต่กำไรแตกต่างกันด้วยทำเลและอะไรอีกหลายอย่าง