รายการทีวี Life & Real TV ออกอากาศคืนนี้ 22:00-23:00 น. อย่าลืมติดตามนะครับ คืนนี้ ที่ Loca TV ช่อง 15 ( PSI,TRUE ช่อง 25 )
http://youtu.be/qayqxEjbvQg?list=PLUhgvk1jRkmUGE9Gcwhta6ZT1ZAhSSpLy
ออกอากาศวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2557
Portfolio อ.ธนพงศ์ หลักนครพล
สรุปผลงานงานดูลายมือ สอนลายมือ ผลงานหนังสือลายมือ
คอร์สเรียนลายมือ คอร์สสัมมนา งานอีเว้นท์และงานการกุศล
- หนังสือและคู่มือการเรียนลายมือ
3.ชุดสื่อการเรียนลายมือด้วยตัวเอง
4.หนังสือ คู่มือลิขิตชีวิตได้ด้วยต้วเอง เปลี่ยนเส้นลายมือเปลี่ยนชีวิต
หนังสือขายดีอันดับ 1
- คอร์สเรียนลายมือและอบรมพัฒนาอาชีพ
เรียนทางไลน์ พร้อมกับการเรียนพบกัน
เรียนลายมือหลักสูตรเร่งรัด Advance
คอร์สสัมมนาอบรมวิชาชีพ และการพัฒนาตนเอง
แนะนำการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในสู่ภายนอก จากภายนอกสู่ภายใน ด้วยพลังจิตใต้สำนึกและ NLP
แนะนำการทำคลิป you tube และการหารายได้จาก you tube
7.2 สัมมนา NLP-ลิขิตชีวิตได้ด้วยตัวเอง
7.3 หมอดูผู้แม่นที่สุดในโลก ลายนิ้วมือบอกได้ถึงความเก่ง ลายมือบอกได้ถึงความเฮง
สแกนลายนิ้วมือ วิเคราะห์ลายนิ้วมือเพื่อหาศักยภาพส่วนบุคคลที่มีมาแต่กำเนิด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ศักยภาพลายผิวนิ้วมือ
- ดูลายมือและวิเคราะห์ลายมือ พบกัน หรือทางเนททางไลน์ การออกงานEvent การออกงานการกุศล
ดูลายมือการกุศล บริจาคสมทบทุนองค์กรการกุศล
- คอลัมน์นีสต์และการจัดรายการวิทยุ
ท่านที่เข้ามาในเวป อ่านบทความที่ผมเขียนและดูตัวอย่างแนวทางในการพยากรณ์ ก็คงอาจจับประเด็นได้บ้างไม่ได้บ้าง ว่าผมมีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นหมอดูลายมือมานานแค่ไหน มีความน่าเชื่อถือในความแม่นยำหรือไม่เพียงใด หากจะตัดสินใจไปดูลายมือด้วยดีหรือไม่ ถ้าจะไปเรียนลายมือด้วยจะดีไหม จะได้ผลหรือไม่ ..??
ผมมีความตั้งใจไว้ว่าการเขียนประวัติ บอกที่มาที่ไปเป็นเรื่องง่ายมาก ใคร ๆ ก็เขียนได้ แต่คำตอบก็คงไม่แตกต่างเพราะทุกคนก็อาจตั้งคำถามอยู่เช่นเดิมคือ "มีความน่าเชื่อถือในความแม่นยำหรือไม่เพียงใด หากจะตัดสินใจไปดูลายมือด้วยดีหรือไม่ ถ้าจะไปเรียนลายมือด้วยจะดีไหม จะได้ผลหรือไม่" .?? ก็เลยตั้งใจว่าจะไม่เขียนประวัติหรือบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเอง แต่ตั้งใจว่าจะสร้างผลงานให้ปรากฏและให้เป็นที่ยอมรับในการใช้ศาสตร์พยากรณ์ดูลายมือนี้ โดยมีเป้าหมายไว้ในใจว่าวันหนึ่งเราจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้ เมื่อเราทำตามที่ตั้งใจไว้ครบทั้ง 7ข้อดังต่อไปนี้และก็เริ่มลงมือทำ หวังว่าเมื่อทำครบขั้นตอนจนเป็นที่ประจักษ์ในผลงานแล้วจึงจะได้แนะนำตัวหรือเปิดตัว รวมถึงมีการถ่ายทอดวิชาหรือศาสตร์ในการพยากรณ์ลายมือในลักษณะการเรียนการสอนเพิ่มเติมจากการรับดูลายมืออีกทางหนึ่ง ความตั้งใจในเบื้องต้น ทั้ง 7 ข้อ ที่ว่านั้นกล่าวคือ
1.ไม่อิงคนดังมีชือเสียงแล้ว หรืออ้างอิงดาราเพื่อโปรโหมดตัวเอง จะสร้างผลงานให้เป็นที่รู้จักหรือให้คนรู้จักเราด้วยผลงานการพยากรณ์แบบค่อยเป็นค่อยไป
2.ตั้งใจตอบปัญหาลายมือฟรีให้เป็นที่รู้จักด้วยผลงาน (ตั้งเป้าไว้สัก 2,000 คน) ตอบปัญหาทางเวปบอร์ด และทางเมลล์ส่วนตัว แต่ความจริงมีคนสนใจมากว่านั้นเป็นหลัก 10,000 คน
3.เขียนบทความลงเวปไซต์เองด้วยภาพลายมือจริง (เรียนฝึกหัดทำเวปไซต์เพื่อสร้างเวปเอง) และตั้งเป้าว่าเมื่อมีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมครบ 300,000 คน ก็จะมีคนรู้จักเราได้ด้วยผลงาน (ปัจจุบันเกิน 400,000 คน-ณ วันที่ 3 มี.ค.2556)
4.มีผู้คนที่เคยดูลายมือแล้วกลับมาดูใหม่อีกเป็นรอบที่ 2- 3(ปีละครั้ง ติดต่อกัน 2-3 ปี) แสดงถึงความแม่นยำหรือความเชื่อว่าสิ่งที่ได้พยากรณ์ไปนั้นให้ผลกับผู้รับคำพยากรณ์ ซึ่งก็มีลักษณะดังกล่าวนี้จำนวนมากที่กลับมาดูรอบที่ 2 รอบที่ 3
5.มีการแนะนำหรือบอกต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ เพื่อน ผมก็รู้สึกยินดีที่ได้รับการบอกต่อและมีผู้คนที่มาพบผมจากการบอกต่อนี้อีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบอกเพื่อน
6.ตั้งใจว่าการดูลายมือทางเนทนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาพบ(ภายในประเทศ)ได้รับคำพยากรณ์ แต่ข้อนี้เป็นที่เกินเป้าหมายมาก กล่าวคือ มีผู้คนที่อยู่ต่างประเทศ (คนไทยเราที่อยู่แดนไกลโดยเฉพาะ อเมริกา เยอรมัน.. ฯลฯ รวมถึงคนเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว) ให้ความสนใจส่งภาพลายมือมารับคำพยากรณ์เป็นจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกัน
7.ตั้งใจไว้อีกอย่างคือการดูลายมือออกงานที่เป็นการบุญการกุศล(สมทบทุนเพื่อการกุศลต่าง ๆ ) ซึ่งก็ได้ทำอยู่เป็นประจำเมื่อมีโอกาส หรือได้รับเชิญ
ดังนั้นเมื่อมาถึงเวลานี้ผมก็พอมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าได้บรรลุเป้าหมายในวัตถุประสงค์ทั้ง 7 ข้อแล้วและบางเรื่องก็เกินเป้าหมาย ดังนั้นการแนะนำตัวก็คงเป็นเรื่องง่ายขึ้น การที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ในเรื่องการเรียนการสอนก็คงได้รับความน่าเชื่อถือพอประมาณอย่างน้อยก็เป็นครูเป็นต้นแบบได้ว่าการจะทำอะไรให้สำเร็จได้นั้นต้องมีเป้าหมาย มีมานะอดทนทุ่มเทเวลาและความเพียรพยายามทั้งกายใจให้ไปถึงเป้าหมายให้จงได้(คลิกดูตัวอย่างการเรียนการสอน)อย่างไรก็ตาม ผมขออนุญาตแนะนำตัวพอสังเขปไว้ ณ ที่นี้นะครับ
ผมเป็นนักบัญชีโดยอาชีพ เรียนจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ (การบัญชี)ก่อนจบปริญญาตรีก็เรียนบัญชีในระดับชั้น ปว.ช. ทำงานเกี่ยวกับด้านบัญชีมาตลอด เริ่มงานจากระดับพนักงานบัญชีไต่ระดับก้าวหน้าตามลำดับกระทั่งก้าวไปถึงตำแหน่งสูงสุดในสายงานบัญชีคือตำแหน่งสมุห์บัญชีบริษัท.. (ในบริษัทมหาชน) เมื่อถึงจุดหนึ่งชีวิตก็มีการปรับเปลี่ยน(ด้วยตัวเอง) ลาออกไปรับงานแบบอิสระเป็นผู้บริหารงานด้านบัญชีหลายบริษัท และก็รับงานเป็นผู้วางระบบบัญชีบริหารและตรวจสอบบัญชีให้กับธุรกิจต่าง ๆ และด้วยอาชีพการงานนี้ก็มีส่วนให้เป็นข้อได้เปรียบในความละเอียดและช่างสังเกต รอบคอบในข้อมูลรวมถึงการวิเคราะห์งบการเงินต่าง ๆ ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องซึ่งมีส่วนเสริมให้อาชีพด้านพยากรณ์ลายมือประสบผลสำเร็จได้อีกทางหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าผมจะมาเรียนมาเป็นหมอดูลายมือในช่วงอายุหลัก 50 นี้นะครับ ผมสนใจศาสตร์พยากรณ์ต่าง ๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก รวมถึงสนใจในศาสตร์หมอดูลายมือและก็เริ่มพยากรณ์ลายมือเป็นตั้งแต่อายุ 19-20 ปีแล้ว(ปัจจุบัน อายุ 53 ปีครับ ผมเกิด มีนาคม 2503 อายุคงเพิ่มขึ้นตาม พ.ศ. นะครับ) ส่วนมีเหตุจูงใจหรือสนับสนุนอย่างไรผมก็จะขออนุญาตเล่าพอสังเขปนะครับ
อ.ธนพงศ์ อายุ 14 ปี เป็นรูปแรกที่ได้ถ่ายทำบัตรเมื่อเริ่มเรียน ในกรุงเทพ ฯ
ชีวิตผมเริ่มต้นที่เรียกได้ว่ามากับบุญวาสนามากับโชคชะตา ทั้งที่ตัวเองก็มีความเชื่อเสมอมาว่าชีวิตเราไม่ได้กำหนดด้วยโชคชะตา ตัวเรากำหนดมันได้ เพียงแต่โอกาสเราอาจไม่ดีหรือมีน้อยกว่าคนอื่น ดังนั้นเราต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองให้ได้...นี่คือความเชื่อที่มีอยู่เสมอมา แต่ชีวิตตัวเองก็มักจะเข้าไปเผชิญหรือประสบกับเรื่องยากที่จะอธิบายอยู่บ่อย ๆ จนไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่านี่คือบุญวาสนาพาไปหรือว่าเราค้นหาแล้วได้มันมาไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ดี ๆ หลายครั้ง รวมถึงเรื่องหนัก ๆ ที่ต้องพบเจอหลายครั้ง ทั้งขึ้นสูงและตกต่ำ... ถ้าเล่าก็ดูว่าจะยาวแต่ผมจะเล่าให้สั้นที่สุด นะครับ
หลังจากเรียนจบชั้น ป.4 ครอบครัวชาวบ้านในชนบท(ปกติทั่วไปก็ทำไร่ทำนาตามฐานะเดิม หรือไม่ก็เข้าเมืองขายแรงงาน) แต่เป็นครั้งแรกที่มีโรงเรียนระดับ ป.5-ป.7 มาเปิดในตำบล ผมโชคดีสอบได้ลำดับที่ 2 จาก 10 หมู่บ้านของตำบลน่าขา อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และมีผู้อุปถัมภ์ให้เรียน ป.5- ป.7ครั้งหนึ่งในช่วง ป.7 มีปาฏิหาริย์ครั้งแรกรอดตายจากไส้ติ่งแตก จากนั้นก็เปลี่ยนไปอยู่ในความอุปการะของผู้อื่นอีกท่านหนึ่งในช่วง มัธยมเรียนชั้น ม.ศ.1 ในอำเภอ แต่ชีวิตก็เปลี่ยนย้ายไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ฯ ตั้งแต่ ม.ศ.2 โดยผู้มีอุปการะท่านใหม่ ก่อนที่จะอ่านต่อไป ผมขออนุญาตกราบขอบพระคุณท่านผู้มีอุปการคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงไว้ ณที่นี้ ที่่ท่านได้ให้ชีวิตให้โอกาสดีๆ ในช่วงการเริ่มต้นของชีวิต
ขอบคุณเพื่อน ๆ รุ่นวาปีปทุม 03 ที่ส่งภาพนี้มาให้ (สมัยเด็กผมไม่มีรูปภาพเลย)
ช่วงการเริ่มต้นที่ดูเหมือนจะไปได้สวยแต่ชีวิตก็มาสะดุดหยุดลง ผมโชคร้ายที่ได้รับอุบัติตุทางรถยนต์(รถโดยสาร-เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน) ตอนนั้นเรียนชั้น ปว.ช. อุบัติเหตุครั้งนั้นรุนแรงมาก ผมรู้สึกตัวที่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดมหาสารคม นานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้แต่รู้สึกว่าเปียกที่แผ่นหลังนั่นคือเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล(ขาซ้ายหัก)ไหลลงไปที่ผ้าพลาสติกปูรองกันเปื้อนของเตียงเข็นคนไข้ ระหว่างนอนรอญาติมาเซ็นชื่ออนุญาตให้ผ่าตัด(อายุ 17 ปี ต้องให้ญาติรับรองก่อนผ่าตัด) ผมรอดตายแบบปาฏิหาริย์ครั้งที่สองเมื่อมีผู้อ้างเป็นญาติมาเซ็นรับรองให้ผ่าตัดได้ (ท่านผู้นั้นผมได้ทราบในภายหลังว่าเป็นนักข่าว-ท่านเล่าว่าเห็นนอนเลือดนองจากช่วงแผ่นหลังถึงต้นคอเลย หน้าตาซีดเผือดจากการขาดเลือด อยู่บนเตียงเปลแบบเข็น สอบถามพยาบาลว่ารอญาติ สอบถามคนที่พอรู้จักบอกว่าญาติกว่าจะเดินทางมาถึงก็คงเป็นวันรุ่งขึ้น-การสื่อสารสมัยนั้นมีทางเดียวคือไปบอกให้ถึงตัว ถนนหนทางและยานพานะสมัยนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะหารถเดินทาง ระหว่างหมู่บ้านกับจังหวัดระยะทางไปกลับมากว่า 150 ก.ม. ครั้งแรกที่ผมไส้ติ่งแตกก็เกิดขึ้นระหว่างทางเพื่อมาโรงพยาบาลนี้) จากการรอดตายครั้งที่สองนี้ ผมเดินไม่ได้ร่วม 2 ปี ทำให้ชีวิตพลิกผันไป ความหวังต่าง ๆ เริ่มเลือนราง เนื่องจากต้องเข้า ๆ ออก โรงพยาบาลและทำกายภาพบำบัด เกิดความหดหู่และสะเทือนใจมากจากการที่มองเห็นภาพคนอื่น ๆ ที่เขาเดิน เขาวิ่ง หรือเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในขณะที่ตัวเองนั่ง ๆ นอน ๆ จะลุกไปไหนก็ยากลำบากต้องอาศัยคนอื่น ๆ กับไม้เท้า 2 อัน และช่วงเวลานี้แหละที่ผมใช้เวลาอยู่บนเตียงกับการศึกษาศาสตร์พยากรณ์ต่างๆ แต่ในที่สุดก็เห็นว่าลายมือสื่อได้มากว่า เส้นในมือบอกเหตุที่จะเกิดกับตัวเองได้ แต่ก็ยังเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ผมใช้ไม่เท้าได้คล่องขึ้นก็กลับไปเรียนต่อจนจบชั้น ปว.ช. และสมัครเข้าเรียน ที่ ม.รามคำแหง ด้านบริหารธุรกิจ ในช่วงเวลานี้เองที่ผมศึกษาลายมืออย่างจริงจังจนกระทั่งมั่นใจว่าพยากรณ์ได้แล้ว และก็เริ่มสื่อสารผ่านสื่อสิ่งพิมพ์(สมัยนั้นยังไม่มีเนท ผู้มีอันจะกินและบุคคลสำคัญจึงจะมีโทรศัพท์บ้าน )ให้ผู้ที่สนใจในการดูลายมือส่งลายมือดูทางไปรษณีย์ โดยส่งภาพพิมพ์ลายมือ หรือจะถ่ายเอกสารก็ตาม (สมัยนั้น พ.ศ.2523) ผมรับจดหมายวันหนึ่งเป็นจำนวนมาก อยู่ประมาณ 2 ปี พยากรณ์ฟรีในตอนแรก และจากนั้นก็คิดค่าดูลายมือ 30 บาท เมื่อ ผ่านเวลาประมาณ 2 ปีก็หยุดไป จากที่พอเดินเหินได้สะดวกขึ้น ประกอบกับเริ่มงานทำบัญชี รวมถึงมีโอกาสไปเรียนต่อด้านบัญชีเพิ่มเติมที่ ม.สยาม
ชีวิตดำเนินต่อไปขึ้นสู่จุดสูงสุดในสายอาชีพการงานแล้ว ลาออกไปดำเนินธุรกิจซึ่งก็ประสบผลสำเร็จดี แต่ชีวิตก็มีเหตุให้เปลี่ยนผันอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อครั้งที่หนึ่ง ปี พ.ศ. 2540 ปีเศรษฐกิจไทยล่มถึงต้องกู้เงินจาก IMF ผมก็โดนเข้าอย่างหนัก พอแก้ไขปัญหาได้กำลังจะพื้นตัวเข้าที่เข้าทาง ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2547 ภัยจาก สึนามิเข้าประเทศไทย เหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้แต่กระทบกับคนตัวเล็กอย่างผมได้อีกครั้ง มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่าว่าสิ่งที่ผมดำนินอยู่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งได้ ผมเลยต้องหยุดมาทบทวนดู "แผนที่ชีวิตบันทึกไว้ในฝ่ามือ" ตัวเองอีกครั้งตั้งแต่บัดนั้น เพื่อจะศึกษาอย่างจริงจังและหลากหลายลงลึกไปอีกว่า คนเราไม่อาจหลีกหนีลิขิตได้หรือย่างไร หรือมีทางใดที่ฝืนหรือหลีกเลี่ยงมันได้หรือไม่ และมีคำตอบให้ตัวเองและผู้อื่นได้แล้วในบัดนี้
ดูลายมืองาน Event ต่างชาติก็ให้ความสนใจไม่น้อยกว่าคนไทย ที่สำคัญดูเหมือนว่าจะจริงจัง(Serious)กับคำพยากรณ์มากกว่าคนไทยเสียอีก